Login

Register

Login

Register

Login

Register

Honeywell ScanPal EDA61K เครื่อง Mobile Computer เพื่อ SME

Honeywell ScanPal EDA61K เครื่อง Mobile Computer เพื่อ SME

Honeywell ScanPal EDA61K เครื่อง Mobile Computer เพื่อ SME

เครื่อง Mobile Computer Honeywell ScanPal EDA61K ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี สำหรับองค์กรธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงกลางหรือ SME ทำงานได้ต่อเนื่องลื่นไหล สำหรับงานที่หนักปานกลางทั้งในคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า หรืองานค้าปลีกหน้าร้าน

ตัวเครื่องมีความทนทานเป็นพิเศษ มีปุ่มกดช่วยให้ใช่งานได้ง่ายและแม่นยำ ป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดได้บ่อยครั้งการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นในร่มหรือกลางแจ้ง

เครื่อง Mobile Computer แบตฯอึดน้ำหนักเบา

มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สามารถทำงานต่อเนื่องได้ครอบคลุมกะทำงานทั้ง 3 กะ และมีน้ำหนักเบา จับถือสะดวกถนัดมือ ลดการเมื่อยล้าจากการใช้งานเป็นระยะเวลานานตลอดทั้งวัน

สามารถเลือกรูปแบบแป้นปุ่มกดได้ทั้งแบบตัวเลข 34 ปุ่ม และ 47 ปุ่ม รวมไปถึงหัวอ่านสแกนบาร์โค้ดก็เลือกปรับแต่งได้ด้วยเช่นเดียวกัน อ่านได้ตั้งแต่ระยะใกล้สุดไม่กี่เซนติเมตรไปจนถึงสูงสุดที่ระยะ 15 เมตร

เครื่อง Mobile Computer แบตฯอึดน้ำหนักเบา เชื่อมต่อครบ ระบบ Android ทำงานรวดเร็ว

สามารถใช่ระบบเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายมือถือ 4G LTE ได้ เพิ่มความหยืดหยุ่น ความสะดวกคล่องตัว ในการใช้งานนอกพื้นที่ Wi-Fi

ติดตั้งระบบ Android มาให้ พร้อมรองรับการอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 10 และผ่านการรับรองมาตรฐาน Android Enterprise Recommended (AER) มั่นใจได้ว่าเหมาะกับการใช้งานในองค์กร

ขับเคลื่อนด้วยสเปกสุดทรงพลังกจากชิป Qualcomm หน้าจอขนาด 4 นิ้วแบบสัมผัสทัชสกรีนเพิ่มความเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้นในการสั่งงาน

ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มจาก OGA International ได้เลยที่

Facebook OGAGroup

LINE @OGAGroup

สเปกเครื่อง Honeywell ScanPal EDA61K เครื่อง Mobile Computer

MECHANICAL
Dimensions: 206 mm x 78 mm x 41.9 mm
(8.1 in x 3.1 in x 1.6 in)
Weight:
N6703 version: 435 g (15.3 oz)
EX20 version: 460 g (16.2 oz)
Display Size: 4 inch
Backlight: LED
Touch Screen: Multi-touch capacitive
Hard Keys: Volume up/down, left/right scan, power, reset
I/O: USB type C, OTG supported

SYSTEM ARCHITECTURE
Processor: Qualcomm SDM450 1.8 GHz octa-core
Memory: 3 GB RAM, 32 GB Flash
Operating System: Android 9, upgradable to Android 10
Default Languages: World Wide English
Storage Expansion: microSDHC
(up to 128 GB)
Battery: Li-Ion, 3.6V, 7,000 mAh
Button Batteries: 22 mF super cap
Real-Time Clock: 10 min backup via super cap
Charging Time: 5.5 hours
Battery Runtime: 25 hours (test profile: scan once every 9 seconds; display at 50% brightness; turn off keypad backlight and activate Wi-Fi only)
Scan Notification: Red/Green light
Scan Engine: EX20, N6703SR
Camera: 13.0-megapixel color camera with autofocus and LED flash
Battery Condition: Red/Green/Blue

WIRELESS CONNECTIVITY
WLAN: EEE 802.11 a/b/g/n/ac radio
WWAN:
GSM&EDGE: Band2/Band3/Band5/Band8
WCDMA: Band1/Band2/Band4/Band5/Band6/Band8/Band9/Band19
CDMA: BC0/BC1/BC6
FDD-LTE: Band1/Band2/Band3/Band4/Band5/Band7/Band8/Band9/Band12/Band13/Band17/Band19/Band20/Band25/Band26/Band28/Band30
TDD-LTE: Band38/Band39/Band40/Band41
Integrated GPS
Bluetooth Class 4.2

ความแตกต่าง Barcode, QR Code และ RFID

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น การใช้งานระบบระบุและติดตามข้อมูลต่าง ๆ ก็ยิ่งมีความสำคัญและแพร่หลายออกไป เทคโนโลยีที่นิยมใช้ในการระบุและติดตามข้อมูลที่พบเห็นได้ทั่วไป ได้แก่ Barcode, QR Code, และ RFID ทั้งสามเทคโนโลยีนี้มีคุณสมบัติและวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างทั้งสามเทคโนโลยี 1. Barcode (บาร์โค้ด) บาร์โค้ดเป็นเทคโนโลยีที่มีการใช้มานานและแพร่หลายที่สุด โดยทั่วไปจะเป็นเส้นคู่ขนานสีดำและขาว ที่มีการเรียงรหัสข้อมูลตามรูปแบบเส้นเพื่อบ่งบอกข้อมูลต่าง ๆ เช่น หมายเลขสินค้า วันผลิต หรือราคาสินค้า ข้อมูลในบาร์โค้ดสามารถอ่านได้ด้วยเครื่องสแกนบาร์โค้ด ซึ่งมีการใช้งานในหลากหลายธุรกิจ เช่น ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และคลังสินค้า   ข้อดี ● ราคาถูกและหาได้ง่าย ● ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพในงานที่ต้องการความเร็วในการอ่านข้อมูล ข้อเสีย ● มีความจุข้อมูลจำกัด ● ต้องใช้เครื่องสแกนบาร์โค้ดในการอ่านข้อมูล 2. QR Code (คิวอาร์โค้ด) QR Code เป็นการพัฒนามาจากบาร์โค้ดที่เพิ่มความสามารถในการเก็บข้อมูลที่มากขึ้นและซับซ้อนกว่า QR Code มีรูปแบบเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีจุดและลวดลายต่าง ๆ ที่สามารถอ่านได้จากทุกทิศทาง ทำให้มีการใช้งานที่สะดวกและมีประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูลที่มากกว่าบาร์โค้ด   […]

บาร์โค้ด 1D กับ 2D แตกต่างกันอย่างไร

บาร์โค้ดเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุข้อมูลและติดตามผลิตภัณฑ์โดยการสแกน บาร์โค้ดแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ บาร์โค้ดแบบ 1D (One-Dimensional) และบาร์โค้ดแบบ 2D (Two-Dimensional) บาร์โค้ดทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของรูปแบบและการใช้งาน . . ▶ บาร์โค้ดแบบ 1D (One-Dimensional Barcode) . . ลักษณะ บาร์โค้ดแบบ 1D เป็นบาร์โค้ดที่มีลักษณะเป็นแถบเส้นที่เรียงตัวกันในแนวเดียว (แนวนอน) เส้นเหล่านี้ประกอบไปด้วยเส้นสีดำและช่องว่างสีขาวที่มีความกว้างและขนาดแตกต่างกัน ข้อมูลที่เก็บอยู่ในบาร์โค้ดแบบ 1D จะอยู่ในรูปแบบของตัวเลขหรือตัวอักษร ซึ่งอ่านได้โดยการสแกนจากซ้ายไปขวา สามารถเก็บข้อมูลได้จำกัด ประมาณ 20–25 อักขระ การใช้งาน ● สินค้าทั่วไปในร้านค้า : ใช้ในการสแกนและระบุสินค้าที่แคชเชียร์ ● การจัดการคลังสินค้า : ใช้ในการติดตามสินค้าและการตรวจนับสินค้าในคลัง ● อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ : ใช้ในการติดตามพัสดุและการขนส่งสินค้า . . ▶ บาร์โค้ดแบบ 2D (Two-Dimensional Barcode) . . […]

8 ประโยชน์ของระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse System)

ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse System) เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดการคลังสินค้าในยุคดิจิทัล ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันขององค์กรได้อย่างมาก การนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในคลังสินค้าจึงมีประโยชน์หลากหลายประการ ดังนี้ . . ▶ ประโยชน์ของการใช้ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse System) . 1. เพิ่มความแม่นยำในการจัดการคลังสินค้า ระบบอัตโนมัติช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานของมนุษย์ เช่น การจัดเก็บสินค้าผิดตำแหน่ง การนับสต็อกผิดพลาด หรือการจัดส่งสินค้าผิด ทำให้การดำเนินงานมีความถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความพึงพอใจของลูกค้า 2. ลดเวลาการดำเนินงาน ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติช่วยลดเวลาที่ใช้ในการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การรับสินค้า การจัดเก็บ และการจัดส่ง ด้วยการทำงานอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วของหุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติ ทำให้สามารถประมวลผลคำสั่งซื้อได้เร็วขึ้น และทำให้การบริการลูกค้ามีความรวดเร็วมากขึ้นเช่นกัน 3. ลดต้นทุนในการดำเนินงาน การใช้ระบบอัตโนมัติช่วยลดความต้องการในการใช้แรงงานมนุษย์ในการดำเนินงานคลังสินค้า ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านค่าจ้างและการฝึกอบรมพนักงาน นอกจากนี้ยังช่วยลดความต้องการในการใช้พื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้า ทำให้สามารถจัดการพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 4. เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติช่วยลดความเสี่ยงในการทำงานที่เป็นอันตราย เช่น การยกของหนักหรือการทำงานในสภาวะที่ไม่ปลอดภัย ทำให้พนักงานมีความปลอดภัยในการทำงานมากขึ้น และลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในสถานที่ทำงาน . 5. เพิ่มความสามารถในการวางแผนและติดตามสินค้า ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย […]

Login