Login

Register

Login

Register

Login

Register

เครื่องอ่านบาร์โค้ด Honeywell Xenon XP 1952g

ฟีเจอร์ไฮไลต์เครื่องอ่านบาร์โค้ด Honeywell Xenon XP 1952g

  • ออกแบบทางวิศวกรรมมาเป็นอย่างดีให้สามารถทนการหมุนในเครื่อง Tumble ได้ถึง 2,000 รอบ ที่ระยะ 0.5 เมตร และการตกหล่นกระแทกที่ระยะความสูง 1.8 เมตร ทำให้เป็นเครื่องที่มีความทนทานอันดับต้น ๆ ของกลุ่มเครื่องระดับเดียวกัน
  • ประสิทธิการภาพสแกนที่เหนือชั้น แม้แต่การใช้อ่านบาร์โค้ดที่ไม่ชัดเจน มีรอยขาดบ้างก็ยังสามารถอ่านออก ขจัดความล่าช้าและความติดขับไม่สะดวกในการทำงานได้เป็นอย่างดี
  • มีการปรับแต่งหัวอ่านมาให้อ่านได้ทั้งข้อมูลดิจิตอลบาร์โค้ดและโค้ดจากหน้าจอมือถือ เพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานให้สูงขึ้น
  • มีซอฟต์แวร์ Honeywell Operational Intelligence ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบการทำงานต่าง ๆ ให้กับองค์กรให้ดีขึ้น
  • มีระบบ Honeywell Scanner Management Utility (SMU) ช่วยในการจัดการเครื่องจำนวนมาก ๆ ที่คุณใช้ภายในองค์กรได้อย่างง่ายดาย

เครื่องอ่านบาร์โค้ดที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี

หลายครั้งที่หน้าแคชเชียร์เกิดปัญหาติดขัดจากเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดแปะสินค้าที่ไม่บกพร่อง พิมพ์ออกมาไม่ชัด มีความเสียหายขาดตอนที่ตัวบาร์โค้ด จนเครื่องอ่านบาร์โค้ดไม่สามารถอ่านได้ ทำให้ต้องวิ่งแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นจนเสียเวลาทั้งกับลูกค้าและยอดขาย แทนที่จะสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า อย่างความรวดเร็ว ความแม่นยำ ก็กลายเป็นติดปัญหาไม่สามารถทำได้ ส่งผลเสียกับประสบการณ์ของลูกค้า

นี่จึงเป็นที่มาของเครื่องอ่านบาร์โค้ดซีรีส์ Honeywell Xenon™: Extreme Performance (XP) ของเรา อย่างเครื่อง Xenon XP 1952g ที่มีประสิทธิภาพในการอ่านสูง อ่านง่าย อ่านเร็ว แม้แต่บาร์โค้ดที่ไม่ชัดอ่านยากก็ไม่เป็นปัญหา

ออกแบบมาเป็นอย่างดีให้มีความทนทานทนการตกหล่นได้สูงถึง 1.8 เมตร ทนการหมุนในเครื่อง Tumble ได้ถึง 2,000 รอบ ที่ระยะ 0.5 เมตร มีมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP52 ไม่ว่าจะใช้งานแบบไหน ก็พร้อมรองรับได้หมด ทนทานใช้งานได้ยาวนาน ไม่ต้องเปลี่ยนกันบ่อย ๆ

Download Data Sheet

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ t.ly/NfCZ

ติดต่อ OGA International ได้ที่

facebook : https://m.me/ogagroup

LINE : https://lin.ee/g01sRts

โทรศัพท์ : 020258888

เลือกดูสินค้าอื่น ๆ ของเราได้ที่ https://www.oga.co.th/product/

ความแตกต่าง Barcode, QR Code และ RFID

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น การใช้งานระบบระบุและติดตามข้อมูลต่าง ๆ ก็ยิ่งมีความสำคัญและแพร่หลายออกไป เทคโนโลยีที่นิยมใช้ในการระบุและติดตามข้อมูลที่พบเห็นได้ทั่วไป ได้แก่ Barcode, QR Code, และ RFID ทั้งสามเทคโนโลยีนี้มีคุณสมบัติและวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างทั้งสามเทคโนโลยี 1. Barcode (บาร์โค้ด) บาร์โค้ดเป็นเทคโนโลยีที่มีการใช้มานานและแพร่หลายที่สุด โดยทั่วไปจะเป็นเส้นคู่ขนานสีดำและขาว ที่มีการเรียงรหัสข้อมูลตามรูปแบบเส้นเพื่อบ่งบอกข้อมูลต่าง ๆ เช่น หมายเลขสินค้า วันผลิต หรือราคาสินค้า ข้อมูลในบาร์โค้ดสามารถอ่านได้ด้วยเครื่องสแกนบาร์โค้ด ซึ่งมีการใช้งานในหลากหลายธุรกิจ เช่น ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และคลังสินค้า   ข้อดี ● ราคาถูกและหาได้ง่าย ● ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพในงานที่ต้องการความเร็วในการอ่านข้อมูล ข้อเสีย ● มีความจุข้อมูลจำกัด ● ต้องใช้เครื่องสแกนบาร์โค้ดในการอ่านข้อมูล 2. QR Code (คิวอาร์โค้ด) QR Code เป็นการพัฒนามาจากบาร์โค้ดที่เพิ่มความสามารถในการเก็บข้อมูลที่มากขึ้นและซับซ้อนกว่า QR Code มีรูปแบบเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีจุดและลวดลายต่าง ๆ ที่สามารถอ่านได้จากทุกทิศทาง ทำให้มีการใช้งานที่สะดวกและมีประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูลที่มากกว่าบาร์โค้ด   […]

บาร์โค้ด 1D กับ 2D แตกต่างกันอย่างไร

บาร์โค้ดเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุข้อมูลและติดตามผลิตภัณฑ์โดยการสแกน บาร์โค้ดแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ บาร์โค้ดแบบ 1D (One-Dimensional) และบาร์โค้ดแบบ 2D (Two-Dimensional) บาร์โค้ดทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของรูปแบบและการใช้งาน . . ▶ บาร์โค้ดแบบ 1D (One-Dimensional Barcode) . . ลักษณะ บาร์โค้ดแบบ 1D เป็นบาร์โค้ดที่มีลักษณะเป็นแถบเส้นที่เรียงตัวกันในแนวเดียว (แนวนอน) เส้นเหล่านี้ประกอบไปด้วยเส้นสีดำและช่องว่างสีขาวที่มีความกว้างและขนาดแตกต่างกัน ข้อมูลที่เก็บอยู่ในบาร์โค้ดแบบ 1D จะอยู่ในรูปแบบของตัวเลขหรือตัวอักษร ซึ่งอ่านได้โดยการสแกนจากซ้ายไปขวา สามารถเก็บข้อมูลได้จำกัด ประมาณ 20–25 อักขระ การใช้งาน ● สินค้าทั่วไปในร้านค้า : ใช้ในการสแกนและระบุสินค้าที่แคชเชียร์ ● การจัดการคลังสินค้า : ใช้ในการติดตามสินค้าและการตรวจนับสินค้าในคลัง ● อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ : ใช้ในการติดตามพัสดุและการขนส่งสินค้า . . ▶ บาร์โค้ดแบบ 2D (Two-Dimensional Barcode) . . […]

8 ประโยชน์ของระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse System)

ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse System) เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดการคลังสินค้าในยุคดิจิทัล ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันขององค์กรได้อย่างมาก การนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในคลังสินค้าจึงมีประโยชน์หลากหลายประการ ดังนี้ . . ▶ ประโยชน์ของการใช้ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse System) . 1. เพิ่มความแม่นยำในการจัดการคลังสินค้า ระบบอัตโนมัติช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานของมนุษย์ เช่น การจัดเก็บสินค้าผิดตำแหน่ง การนับสต็อกผิดพลาด หรือการจัดส่งสินค้าผิด ทำให้การดำเนินงานมีความถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความพึงพอใจของลูกค้า 2. ลดเวลาการดำเนินงาน ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติช่วยลดเวลาที่ใช้ในการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การรับสินค้า การจัดเก็บ และการจัดส่ง ด้วยการทำงานอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วของหุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติ ทำให้สามารถประมวลผลคำสั่งซื้อได้เร็วขึ้น และทำให้การบริการลูกค้ามีความรวดเร็วมากขึ้นเช่นกัน 3. ลดต้นทุนในการดำเนินงาน การใช้ระบบอัตโนมัติช่วยลดความต้องการในการใช้แรงงานมนุษย์ในการดำเนินงานคลังสินค้า ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านค่าจ้างและการฝึกอบรมพนักงาน นอกจากนี้ยังช่วยลดความต้องการในการใช้พื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้า ทำให้สามารถจัดการพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 4. เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติช่วยลดความเสี่ยงในการทำงานที่เป็นอันตราย เช่น การยกของหนักหรือการทำงานในสภาวะที่ไม่ปลอดภัย ทำให้พนักงานมีความปลอดภัยในการทำงานมากขึ้น และลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในสถานที่ทำงาน . 5. เพิ่มความสามารถในการวางแผนและติดตามสินค้า ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย […]

Login