Login

Register

Login

Register

Login

Register

เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด Honeywell Intermec PM43

PM43

นับว่าเป็นเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดระดับอุตสาหกรรมที่มีระบบเชื่อมต่อต่าง ๆ ได้ครบมากที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด ซีรีส์ PM43 ตัวนี้มีทั้งระบบเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi และ Cisco® CCX พร้อมทั้งระบบ Bluetooth ส่วนการเชื่อมต่อแบบสาย Ethernet ก็มีมาให้พร้อมบนตัวเครื่อง มั่นใจได้ว่าพร้อมรองรับการงานพิมพ์ได้อย่างยาวนานสำหรับองค์กรของคุณ

เครื่องพิมพ์รุ่นนี้เน้นความทนทานนานปีเป็นพิเศษ ช่วยเพิ่มความต่อเนื่องในการใช้งาน ทำให้ไม่เสียเวลาในการจัดการตัวเครื่องหรือแก้ปัญหาใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องพิมพ์ทั่ว ๆ ไป โครงสร้างตัวเครื่องทำมาจากโลหะเกรดสูง เพื่อรองรับการทำงานในสภาพแวดล้อมระดับอุตสาหกรรมได้ดีเยี่ยม และยังมีความแม่นยำในการพิมพ์สูง แม้แต่ขนาดบาร์โค้ดหรือรูปภาพเล็ก ๆ ก็ยังสามารถพิมพ์ออกมาได้อย่างคมชัดแม่นยำมาก

PM43

ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับระบบ Web Interface ที่ฝังติดตั้งมาให้ภายในตัวเครื่องเลย พร้อมรองรับการปรับตั้งค่าต่าง ๆ ของตัวเครื่องได้อย่างง่ายดาย หน้าตาออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย เพียงแค่คลิกตามแต่ละเมนูที่ต้องการ ค่าต่าง ๆ ก็จะถูกแสดงอยู่บนหน้าจออย่างชัดเจนทุกจุด ทำให้ปรับก็ง่าย ดู Report รายงานก็ชัดเจนสะดวกไปหมด ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถเข้ามาตั้งค่าได้ผ่านเครื่อง Handheld Computer, แท็บเล็ต หรือมือถือสมาร์ทโฟนก็ได้ทั้งนั้น

ยังไม่หมดเท่านั้นยังมีระบบ Device Management และ Diagnostic มาให้ในตัว อย่าง Honeywell SmartSystems™ Foundation และ Wavelink Avalanche® เพื่อรองรับการจัดการและวิเคราะห์แก้ปัญหาต่าง ๆ ที่อาจขึ้นระหว่างการใช้งานให้ง่าย ลดเวลาที่ต้องเสียไปให้น้อยที่สุด

ความเร็วในการพิมพ์ทำได้ถึง 12 ips ไม่ต้องห่วงว่างานพิมพ์ปริมาณมากจะทำให้เสียเวลารอยาวนาน ทุกงานพิมพ์สามารถทำต่อเนื่องได้อย่างรวดเร็วแน่นอน ภาษาการพิมพ์ที่รองรับก็ได้ทั้ง ZSim2 และ ZPL-II จึงง่ายต่อการนำเอาไปใช้งานกับระบบเดิมที่มีอยู่แล้วทั้งหมด

t.ly/AIiS

ความแตกต่าง Barcode, QR Code และ RFID

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น การใช้งานระบบระบุและติดตามข้อมูลต่าง ๆ ก็ยิ่งมีความสำคัญและแพร่หลายออกไป เทคโนโลยีที่นิยมใช้ในการระบุและติดตามข้อมูลที่พบเห็นได้ทั่วไป ได้แก่ Barcode, QR Code, และ RFID ทั้งสามเทคโนโลยีนี้มีคุณสมบัติและวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างทั้งสามเทคโนโลยี 1. Barcode (บาร์โค้ด) บาร์โค้ดเป็นเทคโนโลยีที่มีการใช้มานานและแพร่หลายที่สุด โดยทั่วไปจะเป็นเส้นคู่ขนานสีดำและขาว ที่มีการเรียงรหัสข้อมูลตามรูปแบบเส้นเพื่อบ่งบอกข้อมูลต่าง ๆ เช่น หมายเลขสินค้า วันผลิต หรือราคาสินค้า ข้อมูลในบาร์โค้ดสามารถอ่านได้ด้วยเครื่องสแกนบาร์โค้ด ซึ่งมีการใช้งานในหลากหลายธุรกิจ เช่น ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และคลังสินค้า   ข้อดี ● ราคาถูกและหาได้ง่าย ● ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพในงานที่ต้องการความเร็วในการอ่านข้อมูล ข้อเสีย ● มีความจุข้อมูลจำกัด ● ต้องใช้เครื่องสแกนบาร์โค้ดในการอ่านข้อมูล 2. QR Code (คิวอาร์โค้ด) QR Code เป็นการพัฒนามาจากบาร์โค้ดที่เพิ่มความสามารถในการเก็บข้อมูลที่มากขึ้นและซับซ้อนกว่า QR Code มีรูปแบบเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีจุดและลวดลายต่าง ๆ ที่สามารถอ่านได้จากทุกทิศทาง ทำให้มีการใช้งานที่สะดวกและมีประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูลที่มากกว่าบาร์โค้ด   […]

บาร์โค้ด 1D กับ 2D แตกต่างกันอย่างไร

บาร์โค้ดเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุข้อมูลและติดตามผลิตภัณฑ์โดยการสแกน บาร์โค้ดแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ บาร์โค้ดแบบ 1D (One-Dimensional) และบาร์โค้ดแบบ 2D (Two-Dimensional) บาร์โค้ดทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของรูปแบบและการใช้งาน . . ▶ บาร์โค้ดแบบ 1D (One-Dimensional Barcode) . . ลักษณะ บาร์โค้ดแบบ 1D เป็นบาร์โค้ดที่มีลักษณะเป็นแถบเส้นที่เรียงตัวกันในแนวเดียว (แนวนอน) เส้นเหล่านี้ประกอบไปด้วยเส้นสีดำและช่องว่างสีขาวที่มีความกว้างและขนาดแตกต่างกัน ข้อมูลที่เก็บอยู่ในบาร์โค้ดแบบ 1D จะอยู่ในรูปแบบของตัวเลขหรือตัวอักษร ซึ่งอ่านได้โดยการสแกนจากซ้ายไปขวา สามารถเก็บข้อมูลได้จำกัด ประมาณ 20–25 อักขระ การใช้งาน ● สินค้าทั่วไปในร้านค้า : ใช้ในการสแกนและระบุสินค้าที่แคชเชียร์ ● การจัดการคลังสินค้า : ใช้ในการติดตามสินค้าและการตรวจนับสินค้าในคลัง ● อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ : ใช้ในการติดตามพัสดุและการขนส่งสินค้า . . ▶ บาร์โค้ดแบบ 2D (Two-Dimensional Barcode) . . […]

8 ประโยชน์ของระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse System)

ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse System) เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดการคลังสินค้าในยุคดิจิทัล ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันขององค์กรได้อย่างมาก การนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในคลังสินค้าจึงมีประโยชน์หลากหลายประการ ดังนี้ . . ▶ ประโยชน์ของการใช้ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse System) . 1. เพิ่มความแม่นยำในการจัดการคลังสินค้า ระบบอัตโนมัติช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานของมนุษย์ เช่น การจัดเก็บสินค้าผิดตำแหน่ง การนับสต็อกผิดพลาด หรือการจัดส่งสินค้าผิด ทำให้การดำเนินงานมีความถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความพึงพอใจของลูกค้า 2. ลดเวลาการดำเนินงาน ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติช่วยลดเวลาที่ใช้ในการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การรับสินค้า การจัดเก็บ และการจัดส่ง ด้วยการทำงานอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วของหุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติ ทำให้สามารถประมวลผลคำสั่งซื้อได้เร็วขึ้น และทำให้การบริการลูกค้ามีความรวดเร็วมากขึ้นเช่นกัน 3. ลดต้นทุนในการดำเนินงาน การใช้ระบบอัตโนมัติช่วยลดความต้องการในการใช้แรงงานมนุษย์ในการดำเนินงานคลังสินค้า ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านค่าจ้างและการฝึกอบรมพนักงาน นอกจากนี้ยังช่วยลดความต้องการในการใช้พื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้า ทำให้สามารถจัดการพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 4. เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติช่วยลดความเสี่ยงในการทำงานที่เป็นอันตราย เช่น การยกของหนักหรือการทำงานในสภาวะที่ไม่ปลอดภัย ทำให้พนักงานมีความปลอดภัยในการทำงานมากขึ้น และลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในสถานที่ทำงาน . 5. เพิ่มความสามารถในการวางแผนและติดตามสินค้า ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย […]

Login