Login

Register

Login

Register

Login

Register

ประโยชน์ของการใช้ระบบ Asset Management

การจัดการสินทรัพย์หรือ Asset Management เป็นกระบวนการที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จและความยั่งยืนขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นในภาคธุรกิจ ภาครัฐ หรือแม้แต่ในองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร การนำระบบ Asset Management มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า
.
 

ประโยชน์หลักของการใช้ระบบ Asset Management

  1. เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินทรัพย์
    • การติดตามสถานะและตำแหน่งของสินทรัพย์: ระบบ Asset Management ช่วยให้องค์กรสามารถติดตามและตรวจสอบสถานะของสินทรัพย์ได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่ตั้ง การใช้งาน หรือสภาพของสินทรัพย์
    • การบำรุงรักษาที่มีประสิทธิภาพ: ระบบช่วยในการกำหนดตารางการบำรุงรักษาและแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ต้องบำรุงรักษา ลดโอกาสการเกิดปัญหาจากการเสื่อมสภาพของสินทรัพย์ และยืดอายุการใช้งานของสินทรัพย์
  2. ลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย
    • ลดการสูญหายและการเสียหาย: การติดตามและตรวจสอบสินทรัพย์อย่างต่อเนื่องช่วยลดโอกาสการสูญหายหรือเสียหายของสินทรัพย์ ซึ่งทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือการซื้อใหม่ได้
    • การใช้งานสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ: การวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานสินทรัพย์ช่วยให้องค์กรสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
  3. การตัดสินใจที่ดีขึ้น
    • ข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัย: ระบบ Asset Management ให้ข้อมูลที่แม่นยำและทันสมัยเกี่ยวกับสินทรัพย์ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจด้านการจัดการและการลงทุน
    • การวิเคราะห์และรายงาน: ระบบสามารถสร้างรายงานและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อใช้ในการวางแผนและการตัดสินใจ เช่น รายงานการบำรุงรักษา รายงานค่าเสื่อมราคา และรายงานสถานะสินทรัพย์
  4. การปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐาน
    • การจัดการเอกสารและการบันทึกข้อมูล: ระบบช่วยในการจัดเก็บและจัดการเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ ทำให้สามารถตรวจสอบและปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
    • การตรวจสอบและการรายงาน: ระบบสามารถสร้างรายงานที่สอดคล้องกับข้อกำหนดและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง ทำให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างราบรื่น
  5. การวางแผนและการบริหารความเสี่ยง
    • การคาดการณ์และการวางแผน: ระบบช่วยในการคาดการณ์อายุการใช้งานของสินทรัพย์และการวางแผนการใช้งานในอนาคต ทำให้องค์กรสามารถเตรียมการและจัดการทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
    • การจัดการความเสี่ยง: การมีข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยช่วยให้องค์กรสามารถบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ได้ดีขึ้น ลดโอกาสการเกิดปัญหาและการสูญเสียที่ไม่คาดคิด

การนำระบบ Asset Management มาใช้ในองค์กรนั้นไม่เพียงแต่ช่วยในการจัดการสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ ปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐาน และช่วยในการวางแผนและบริหารความเสี่ยง การลงทุนในระบบ Asset Management จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและมีประโยชน์ในระยะยาวสำหรับองค์กรทุกขนาด

—–
ติดต่อ 𝐎𝐆𝐀 𝐈𝐧𝐭𝐞𝐫𝐧𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧𝐚𝐥 ได้ที่
Line Office : @ogagroup
โทรศัพท์ : 02-0258888
https://www.oga.co.th/
 
 #OGAinternational #OGA #โอจีเออินเตอร์เนชั่นแนล #assetmanagement #ระบบการจัดการทรัพย์สิน #สาระน่ารู้

OGA ออกบูธในงาน Logimat Southeast Asia

LogiMAT Southeast Asia 2024 . งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีชั้นนำด้านอินทราโลจิสติกส์ คลังสินค้าอัจฉริยะ และกระบวนการจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทาน ร่วมกับ LogiFOOD Southeast Asia งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์อาหารครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก . . ทาง OGA ยกขบวนสินค้าแบรนด์ดังไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด แสกนเนอร์ Mobile Computer ของทาง Honeywell มาพร้อมซอร์ฟแวร์สร้างบาร์โค้ด จากทาง Bartender อีกทั้งยังมีสติ๊กเกอร์บาร์โค้ดทุกชนิด ทุกเนื้อกระดาษ และริบบอนแบรนด์ inkanto บอกเลยว่างานนี้จัดเต็ม ตอบโจทย์ในหลายธุรกิจ .       .     .     . ทาง OGA ขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่มาเยี่ยมชมบูธของทางเรา และให้การตอบรับที่ดี เราพร้อมเป็นที่ปรึกษาและให้ข้อมูลด้านโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ในธุรกิจของลูกค้าทุกท่าน .         . . —– […]

ความแตกต่าง Barcode, QR Code และ RFID

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น การใช้งานระบบระบุและติดตามข้อมูลต่าง ๆ ก็ยิ่งมีความสำคัญและแพร่หลายออกไป เทคโนโลยีที่นิยมใช้ในการระบุและติดตามข้อมูลที่พบเห็นได้ทั่วไป ได้แก่ Barcode, QR Code, และ RFID ทั้งสามเทคโนโลยีนี้มีคุณสมบัติและวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างทั้งสามเทคโนโลยี 1. Barcode (บาร์โค้ด) บาร์โค้ดเป็นเทคโนโลยีที่มีการใช้มานานและแพร่หลายที่สุด โดยทั่วไปจะเป็นเส้นคู่ขนานสีดำและขาว ที่มีการเรียงรหัสข้อมูลตามรูปแบบเส้นเพื่อบ่งบอกข้อมูลต่าง ๆ เช่น หมายเลขสินค้า วันผลิต หรือราคาสินค้า ข้อมูลในบาร์โค้ดสามารถอ่านได้ด้วยเครื่องสแกนบาร์โค้ด ซึ่งมีการใช้งานในหลากหลายธุรกิจ เช่น ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และคลังสินค้า   ข้อดี ● ราคาถูกและหาได้ง่าย ● ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพในงานที่ต้องการความเร็วในการอ่านข้อมูล ข้อเสีย ● มีความจุข้อมูลจำกัด ● ต้องใช้เครื่องสแกนบาร์โค้ดในการอ่านข้อมูล 2. QR Code (คิวอาร์โค้ด) QR Code เป็นการพัฒนามาจากบาร์โค้ดที่เพิ่มความสามารถในการเก็บข้อมูลที่มากขึ้นและซับซ้อนกว่า QR Code มีรูปแบบเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีจุดและลวดลายต่าง ๆ ที่สามารถอ่านได้จากทุกทิศทาง ทำให้มีการใช้งานที่สะดวกและมีประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูลที่มากกว่าบาร์โค้ด   […]

บาร์โค้ด 1D กับ 2D แตกต่างกันอย่างไร

บาร์โค้ดเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการระบุข้อมูลและติดตามผลิตภัณฑ์โดยการสแกน บาร์โค้ดแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ บาร์โค้ดแบบ 1D (One-Dimensional) และบาร์โค้ดแบบ 2D (Two-Dimensional) บาร์โค้ดทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของรูปแบบและการใช้งาน . . ▶ บาร์โค้ดแบบ 1D (One-Dimensional Barcode) . . ลักษณะ บาร์โค้ดแบบ 1D เป็นบาร์โค้ดที่มีลักษณะเป็นแถบเส้นที่เรียงตัวกันในแนวเดียว (แนวนอน) เส้นเหล่านี้ประกอบไปด้วยเส้นสีดำและช่องว่างสีขาวที่มีความกว้างและขนาดแตกต่างกัน ข้อมูลที่เก็บอยู่ในบาร์โค้ดแบบ 1D จะอยู่ในรูปแบบของตัวเลขหรือตัวอักษร ซึ่งอ่านได้โดยการสแกนจากซ้ายไปขวา สามารถเก็บข้อมูลได้จำกัด ประมาณ 20–25 อักขระ การใช้งาน ● สินค้าทั่วไปในร้านค้า : ใช้ในการสแกนและระบุสินค้าที่แคชเชียร์ ● การจัดการคลังสินค้า : ใช้ในการติดตามสินค้าและการตรวจนับสินค้าในคลัง ● อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ : ใช้ในการติดตามพัสดุและการขนส่งสินค้า . . ▶ บาร์โค้ดแบบ 2D (Two-Dimensional Barcode) . . […]

Login